วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559

[Lyric Translate] EP:1 私の名はカメレオン…(ชื่อของฉันคือกิ้งก่า)

カメレオン♪ by : 九州男(Kamereon by : Kusuo)
作詞:九州男
作曲:九州男・tko




さあ、この体を使って色鮮やかなお花をお見せいたしましょう
เอาละ ฉันจะใช้ร่างกายนี้เปลี่ยนเป็นดอกไม้ที่ที่มีสีสันงดงามให้คุณดู
あなたは何色が好み?
คุณชอบสีไหนละ
こんな色や形も表現 できますよ?
สีแบบนี้รูปร่างแบบนี้สีหน้าแบบนี้ก็ทำได้นะ
みんなが喜んでくれるのならいくらでも
ถ้าทุกคนดีใจละก็ไม่ว่าจะอีกสักเท่าไรฉันก็จะทำ
そして良かったら笑顔を見せてください。
และถ้าหากไม่เป็นการรบกวน ช่วยยิ้มให้ฉันหน่อย
そうすると安心します。
เพราะมันจะทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจ

始まりはもう遠いガキの頃で覚えちゃいない
ตั้งแต่แรกฉันก็จำตัวเองในวัยเด็กที่ผ่านมาเนิ่นนานไม่ได้แล้ว
自分を出さず合わせることで楽になる事も知った。
ฉันได้รู้ว่าการที่เราไม่เปิดเผยตัวเองและปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับผู้อื่นจะทำให้ชีวิตสะดวกสบาย
それからは親や先生や上司、友達や愛する人にさえも
หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ อาจารย์ หัวหน้า และแม้แต่เพื่อนหรือคนรัก
本当の姿は見せてはいない
ก็ไม่ได้เห็นตัวตนแท้จริงของฉันอีกเลย

誰かに教えられたわけじゃない。
ไม่ได้มีใครบอกฉันหรอก
目に 映る無言の啀み合いから学んだ身を守る術
มันเป็นเทคนิคการปกป้องตัวเองที่เรียนรู้มาจากการทะเลาะกันด้วยความเงียบที่ได้เห็นมา
その額に溶け込み世界観を合わせる
ปรับเอามุมมองของคนส่วนใหญ่ใส่ไปในความคิดของตัวเอง
難を逃れる為自分の全てを何度でも塗りつぶした。
แต่งแต้มสีให้ตัวเองทั่วทั้งตัวไม่รู้กี่ครั้งเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความยากลำบาก
普遍的に彩られた混合色の人生を歩み続けている。
ดำเนินชีวิตที่ถูกแต่งแต้มผสมผสานสีสันตามคนทั่วไปต่อไปเรื่อยๆ

私の名はカメレオン
ชื่อของฉันคือกิ้งก่า
変幻自在 全身に厚化粧
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทั่วทั้งตัวถูกแต่งแต้มไว้อย่างหนา
拭っては塗って拭っては塗って
ล้างออกแล้วก็แต่งแต้มใหม่ ล้างออกแล้วก็แต่งแต้มใหม่
元々の色ってこんなんだったっけ
สีเดิมเคยเป็นสีแบบนี้หรือเปล่านะ
何回拭っても体は少し 薄汚れている
ไม่ว่าจะล้างออกสักกี่ครั้ง ร่างกายก็ยังคงมีความสกปรกหลงเหลืออยู่

存在できるのは一人ぼっちでいる時だけ
รู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่เพียงแค่ตอนที่อยู่คนเดียวเท่านั้น
噓を腕で拭って素肌が顔出す度に苦しくなってた胸が
ทุกๆครั้งที่ล้างคำพูดหลอกลวงด้วยแขนแล้วออกไปด้วยใบหน้าที่แท้จริง หัวใจกลับเจ็บปวด
不安なんてないこの孤独では本当の自分でいられてるはずなのに
ทั้งๆที่ความเปล่าเปลี่ยวนี้จะทำให้ไม่รู้สึกกังวลและน่าจะเป็นตัวของตัวเองได้แท้ๆ
いや、自分という噓を塗り付けていたんだ。
ไม่สิ ที่บอกว่าเป็นตัวเองก็เป็นคำหลอกลวงที่แต่งแต้มอยู่

誰かに嫌われた覚えは無い
เท่าที่จำได้ไม่เคยถูกใครเกลียด
でもきっと信頼された事も
แต่ว่า แน่นอนว่าไม่เคยถูกเชื่อใจเหมือนกัน
便利で都合が良い存在?
มีชีวิตอยู่ด้วยความสะดวกสบาย?
わかっている 笑顔の裏には寂しさだけ
เข้าใจอยู่แล้วละ เบื้องหลังของรอยยิ้มมีเพียงแค่ความเหงา
じゃあどうすればいい
ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีละ
ただ好意をもってほしいだけなのに
แค่อยากให้ชื่นชอบเท่านั้นเอง
優良ではないがあなたの色に同化した無害である姿を
ไม่ต้องดีเลิศ แต่ว่าให้เป็นตัวตนที่เปลี่ยนเป็นสีของคุณได้อย่างไม่มีอันตราย

私の名はカメレオン
ชื่อของฉันคือกิ้งกา
変幻自在 全身に厚化粧
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทั่วทั้งตัวถูกแต่งแต้มไว้อย่างหนา
拭っては塗って拭っては塗って
ล้างออกแล้วก็แต่งแต้มใหม่ ล้างออกแล้วก็แต่งแต้มใหม่
元々の色ってどんなんだったっけ
สีเดิมเป็นแบบไหนกันนะ
今じゃ本当の自分の色さえ思い出せない
ตอนนี้ แม้แต่สีที่แท้จริงของตัวเองก็จำไม่ได้

汚れた体に無理やり塗り付けていく噓を
แต่งแต้มคำโกหกหลอกลวงลงไปที่ร่างกายที่สกปรกอย่างยากลำบาก
色は複雑に混ざり合って やがて真っ黒になってた自分がここに立ってた
สีสันที่ปะปนกันซับซ้อน สุดท้ายก็ตัวเองก็กลายเป็นสีดำยืนอยู่ตรงนี้
指先ですくいあげた泥々の黒い層の汚れは悲しみや寂しさの孤独感
ความสกปรกดำของโคลนที่ตักขึ้นมาด้วยปลายนิ้วคือความเปล่าเปลี่ยวที่มีความเหงาและความเศร้าอยู่
悔しさを伴った劣等感
ปมด้อยที่เกิดขึ้นพร้อมกับความเจ็บใจ
後戻り出来ない絶望感で全て覆い尽くされてた
ทั้งหมดถูกบังมิดด้วยความผิดหวังที่ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีกแล้ว

今私はどんな姿に映っている?
ตอนนี้ ฉันกลายเป็นแบบไหนหรอ
見られるのは怖いが誰か教えてくれないか
แม้ว่าจะกลัวการถูกมองจากคนอื่น แต่ว่าใครก็ได้ช่วยบอกหน่อยได้ไหม
自分で自分を見失わせ どの世界に存在しているのかもわからない
ฉันได้ทำตัวตนของตัวเองหายไป และไม่รู้ว่าตอนนี้มีชีวิตอยู่ในโลกไหน
そもそも存在の意味を教えてくれないか
ช่วยบอกถึงความหมายของการมีชีวิตอยู่ตั้งแต่ต้นให้หน่อยได้ไหม

私はもう誰でもないのかもしれない
ฉันอาจจะไม่ได้เป็นใครอีกแล้วก็ได้
こぼれ落ちる涙が
น้ำตาที่ไหลรินลงมา
抜くっては溢れ拭ってはア溢れ
เช็ดออกแล้วก็เอ่อล้นขึ้นมา เช็ดออกแล้วก็เอ่อล้นขึ้นมา
ゆっくり伝ってく 一粒の雫の跡には本当の自分自身が顔出してた
ค่อยๆไหลลงมา คราบน้ำตาหนึ่งหยดนั้นเป็นตัวตนที่แท้จริงของฉันที่เปิดเผยออกมา

私の名はカメレオン
ชื่อของฉันคือกิ้งก่า
変幻自在 全身に厚化粧
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ทั่วทั้งตัวถูกแต่งแต้มไว้อย่างหนา
拭っては塗って拭っては塗って
ล้างออกแล้วก็แต่งแต้มใหม่ ล้างออกแล้วก็แต่งแต้มใหม่
器用に様々景色を合わせ
ปรับเปลี่ยนฉากที่หลากหลายอย่างชำนาญ
みんなの笑顔が欲しかった ただ不器用なカメレオン
เคยอยากได้รอยยิ้มจากทุกคน เป็นเพียงกิ้งกาไร้ฝีมือ 

************************************************

วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 20 : あのさ、僕さ

    หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า あのさ、僕さ、あれさ、だからさ และอีกหลายๆ〜さกันบ่อยๆ นอกจากさแบบนี้แล้วก็ยังมี さ แบบที่ลงท้ายประโยคยาวๆก็มี อย่างในเรื่องมารุโกะจัง เราได้ยินมารุโกะใช้คำว่า 「さ」เช่น 「これなんかいいじゃない?ちょっと渋めでさ」พอได้ยินคำเหล่านี้บ่อยและอยากลองใช้บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันใช้ยังไง 555 พอมาทำ目標เรื่อง 文末表現 ก็เลยลองหากันดูหน่อย แต่ว่าไม่ค่อยมีข้อมูลเท่าไร(T^T) แต่ก็ได้ไปเจอบทความหนึ่งมาเขาบอกว่า 「さ」เป็น 共通語 (เป็นภาษาที่ใช้ร่วมกัน แต่ไม่ได้เป็นภาษามาตรฐานหรือที่เรียกว่า 標準語) ซึ่งคำนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษมาก แต่ว่าการใช้ 「さ」เข้าไปจะทำให้ความรู้สึกต่างออกไป ซึ่งก็มีลักษณะในการใช้ดังนี้

1.  แสดงความรู้สึกเน้นย้ำแก่ฝ่ายตรงข้าม
     เช่น そんな事当たり前さ。(เรื่องแบบนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่)
2. แสดงความรู้สึกไม่สนใจ ช่างมัน
     เช่น まあいいさ。(ช่างมันเถอะ)
3. แสดงความรู้สึกที่อธิบายหรือเล่าเรื่องราวที่ตัวเองไม่ได้ประสบโดยตรง
    เช่น やっぱりそうなんだってさ (เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย)
4. แสดงความคิดถกเถียงปัญหาหรือคำถามที่ค่อนข้างรุนแรง
   เช่น どこいってたのさ。(ไปไหนมา)
5. ตัดประโยคเพื่อแสดงการเล่าเรื่องที่กำลังนึกอยู่
   เช่น それがさ、まずいことにさ、なっちゃった。 (นั่นอ่ะนะ ก็กลายเป็นเรื่องที่แย่เลย)

  แบบที่ 5 คงเป็นแบบที่เราคุ้นหูกันมากสุด อย่างตอนที่ไปญี่ปุ่นก็ได้ยินคนพูด あのさ อยู่บ่อยๆ :3 นอกจากนี้การออกเสียงก็ทำให้เน้นยิ่งขึ้นได้ เช่น ข้อ 1 กับ 5 จะลงเสียงหนักที่ さ ในขณะที่ 2. 3. และ 4. จะออกเสียงเบา

ตอนที่ 19 : 何だろう〜?


「何だろう〜?」เป็นคำที่เราเคยได้ยินในรายการทีวีตอนที่พิธีกรถามคำถามไป เช่น ถามว่า 「 好きな食べ物はなんですか?」แล้วผู้ที่ถูกถามก็เอ่ยขึ้นมาว่า 「そうですね。何だろう〜」เราก็เลยจำมาว่า 「何だろう?」คงจะใช้ในเวลาที่นึกคำตอบไม่ออก อารมณ์ประมาณว่า "นั่นสิ อะไรน้าาาา" แบบนี้  แต่เราก็เพิ่งมารู้สึกสงสัยว่า ทำไมต้องใช้ 「だろう」ในเมื่อที่เรียนมา คำว่า「だろう」แปลว่า "คงจะ…" ใช้คาดการณ์เหตุการณ์ที่เราคิด แต่คำว่า 「何だろう?」คงไม่ได้แปลว่า "คงจะเป็นอะไรน้า" แน่ๆ

 เอาล่ะ ทีนี้เราลองมาดูกันดีกว่าว่า 「〜だろう」หรือที่เป็นคำสุภาพว่า 「〜でしょう」เนี่ย เขาใช้กันในกรณีไหนกันบ้าง :)

1. ใช้ในเรื่องที่คาดเดา เรื่องที่ยังไม่แน่ใจ (แบบที่เราได้เรียนมา)
    เช่น 明日は雨が降るだろう。(พรุ่งนี้ฝนคงจะตก) 

2. ใช้กับเรื่องที่รู้สึกชื่นชม ประทับใจ เรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย
    เช่น あの犬はなんて可愛いんだろう! (สุนัขตัวนั้นช่างน่ารักน่าชังเสียเหลือเกิน)ในกรณีนี้ผู้พูดแสดงถึงความรู้สึกชื่นชมที่มีต่อสุนัข ซึ่งจะแตกต่างกับประโยคบอกเล่าธรรมดา เช่น あの犬はわかいい。(สุนัขตัวนั้นน่ารัก)จะเป็นการบอกเล่าเฉยๆไม่ได้ใส่อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองลงไปด้วย

3. ใช้คำเรื่องที่เป็นข้อสงสัย
   เช่น あの人は誰だろう。田中さんじゃないかな。(คนนั้นคือใครกันนะ คุณทะนะกะใช่หรือเปล่านะ) การใช้แบบนี้จะเป็นการใช้เหมือนกันคำว่า 「何だろう」คือแสดงข้อสงสัยที่มีอยู่ในใจ เวลาที่มีคนมาถามแล้วนึกคำตอบไม่ออกหรือกำลังคิดอยู่ว่า "นั่นสิน้าาา อะไรดีนะ"  จึงใช้คำว่า 「何だろう」นั่นเองงงงง

ตอนที่ 18 : 〜ですけれども


 「〜ですけれども、〜」มักจะเป็นคำที่เราได้ยินบ่อยๆ ไม่ว่าจะจากเจ้าของภาษาเองหรือเพื่อนที่พูดภาษาญี่ปุ่นเก่งๆในห้องเรียน ได้ยินบ่อยนะ แต่เป็นคำที่เราไม่เคยใช้เลย เพราะเราไม่รู้ว่ามันใช้ยังไง และใช้ตอนไหน??? จริงๆเรื่องนี้เราก็นึกสงสัยมาสักพักหนึ่ง แต่ไม่ได้คิดหาคำตอบ จนมานั่งดูรายการ 「決めてほしい話」ที่เป็นรายการให้คนมาเล่าเรื่องเพื่อให้อีกฝ่ายบอกว่าเป็นเรื่องอย่างไร ตอนที่เขาเริ่มเข้าเรื่องก็เริ่มด้วยคำว่า 「2年くらい前なんですけれども、〜」เราก็เลยคิดว่า เอ๊ะ!งั้นคำนี้น่าจะเป็นคำที่ใช้เกริ่นเข้าเรื่องหรือเปล่านะ ก็เลยลองไปหาอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู ก็ได้ความมาว่า...

   จริงๆแล้วถ้าลองดูจากพจนานุกรม คำว่า 「けれども」จะมีหน้าที่คือ
1. คำช่วยเชื่อม (接続助詞)
 - ใช้แสดงความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกันระหว่างสถานการ์ด้านหน้าและด้านหลัง เช่น 
        あなたを恨む気持ちはないけれども、仇を討たなければならない 
  (ถึงจะไม่มีความรู้สึกแค้น แต่ก็ต้องทำลายศัตรู)
    - ใช้แสดงความเห็นตรงข้ามต่ออีกฝ่ายอย่างนุ่มนวลด้วยการย่อไว้ เช่น 
        いいと思いますけれども  (ก็คิดว่าดีนะ แต่...)
2. คำเชื่อม(接続詞)
    - ใช้เป็นคำเชื่อม "แต่"(ต่างจากข้างบนตรงอันนี้จบประโยคหนึ่งแล้วค่อยต่ออีกประโยค) เช่น
      天気予報では今日は晴だった。けれども朝から雨が降っている。
     (พยากรณ์อากาศบอกไว้ว่าวันนี้อากาศดี แต่ว่าฝนกลับตกตั้งแต่เช้าเลย)

   ซึ่งหน้าที่เหล่านี้ไม่เห็นเหมือนที่เราพบเจอในชีวิตประจำวันเลย O___O!  นั่นเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้ภาษาเริ่มเปลี่ยนไป 〜ですけれも ที่เราได้ยินในปัจจุบันส่วนใหญ่จึงเป็นคำที่ใช้แทน 〜は ได้ด้วยนั่นเอง
 
เช่น   あなたのお考えですけれども、少々問題があると思います。
      = あなたのお考え、少々問題があると思います。 

ก็เหมือนกันกับที่เราได้ยินมา คือ   

2年くらい前なんですけれども、〜 ก็จะมีความหมายเท่ากับ  2年くらい前

  นอกจากนี้ จากที่เราสังเกตการใช้ของใครหลายๆคนทำให้เราคิดว่าคำว่า 〜ですけれども นอกจากจะใช้แทน 〜は แล้วใช้ในการเกริ่นเรื่องที่จะพูดต่อไปได้ด้วยนะ 

อันนี้คือรายการ 決めてほしい話 ที่เราดู :P  แอบตลกในบางครั้งที่ฟังรู้เรื่อง 555 เรารู้สึกว่าได้ยินคำว่า 〜ですけれども หรือไม่ก็ 〜ですけど บ่อยมากในตอนก่อนที่จะเกริ่นเล่าเรื่องอะไรสักอย่าง ลองดูนะ  :)  





วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2557

ตอนที่ 17 : นึกออกแล้วววว! 思い出す Vs. 思いつく

 จริงๆมันก็ไม่เกี่ยวกับ 目標 ที่ตั้งไว้หรอกนะ...แต่เป็นความรู้ที่ได้มาโดยบังเอิญและคิดว่ามันน่าสนใจดี
ปกติก่อนหน้านี้เราไม่รู้จักว่าคำ 思いつく หรอกนะ แล้วเราก็ไม่รู้ว่ามันแปลว่าอะไรด้วย

  จนวันหนึ่ง... เราไปส่งเพื่อนคนญี่ปุ่นกลับญี่ปุ่นที่สนามบินสุวรรณภูมิ :3 วันนั้นมีเพื่อนคนญี่ปุ่นของเขามาด้วยอีกหลายคน สองคนในนั้นตัดสินใจว่าจะทำอะไรตลกๆให้เพื่อนเราดูก่อนกลับญี่ปุ่น แล้วเขาก็เดินหายไปคิดว่าจะทำอะไรดี คนแรกก็แสดงตลกฮาๆไปเรียบร้อย ส่วนคนที่สองดูเหมือนจะยังคิดไม่ออก เพื่อนเราก็เลยถามไปว่า "思いつかない?"  พอได้ยินดังนั้นเราเลยพอนึกออกว่า คำว่า 思いつく เนี่ยน่าจะแปลว่า "นึกออก คิดออก" อะไรแบบนี้ แต่ เอ๊ะ!"思い出す" ก็แปลว่านึกออกเหมือนกันนี่หน่า ทำไมไม่ใช้ล่ะ เมื่อเราเกิดข้อสงสัยดังนั้น จึงถามเพื่อนออกไปว่าในกรณีนี้ใช้ 思い出す ได้ไหม?และได้ความว่า...

   "ไม่ได้ก๊ะ" ที่ไม่ได้เพราะว่า 思い出す แปลว่า นึกออกก็จริง แต่แปลว่านึกออกในเรื่องราวอดีตที่ผ่านมาแล้ว เช่น เราวางกุญแจรถไว้บนโต๊ะ แล้วก็เราก็ลืม หาไม่เจอว่ามันอยู่ไหน ก็คิดๆๆๆจน 思い出す ออกมาว่า อ้อ เราวางไว้บนโต๊ะนะ  ในขณะที่ 思いつく จะเป็นการนึกออกถึงสิ่งใหม่ๆ อย่างสถานการณ์ที่เล่าให้ฟังด้านบน เพราะว่าเป็นการคิดมุขตลกๆที่ไม่ได้มีมาก่อนหน้านั้น ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ ถ้านึกออกในกรณีแบบนี้ก็จะใช้คำว่า 思いついた!

เพื่อให้กระจ่างยิ่งขึ้น นี่คือภาพของคน 思い出した

จะมีหน้าตาที่ตกใจเล็กน้อย โอ๊ะ!ใช่แล้ว นึกออกละ

ส่วนนี้คือภาพของคน 思いついた

ปิ๊งงงงง!นึกไอเดียออกแล้ว



   ถือเป็นการเรียนรู้นอกห้องได้ดีและจำแม่นด้วย และหวังว่าดูภาพแล้วคงจะเข้าใจยิ่งขึ้น 555   

ตอนที่ 16: 雪国 เมืองหิมะ...


   ทันทีที่ได้ยินชื่อหนังสือเรื่อง 雪国 ของ 川端康成  ในตอนที่ทำ タスク ครั้งสุดท้ายในห้องเรียน ก็ทำให้เรานึกถึงใครบางคนขึ้นมา เพราะคนๆนั้นเราก็เลยได้มีโอกาสไปยืมหนังสือเล่มนิยายเรื่อง 雪国 ฉบับแปลเป็นภาษาไทยว่า "เมืองหิมะ" จากห้องสมุดอักษรฯมาอ่าน

   タスクครั้งนี้เป็นการให้วาดรูปจากคำบรรยายของตอนหนึ่งในหนังสือเรื่องนี้ เราจำคำบรรยายไม่ได้แล้ว เพราะไม่ได้จดมา คร่าวๆก็จะเป็นประมาณ​ "国境の長いトンネルを抜けると雪国であった・・・”  จริงๆแล้วมีต่ออีกแต่จำไม่ได้ เขาก็บอกว่าให้วาดรูปจากคำบรรยายนี้ ก็คือให้สมมุติว่าเราเป็นตัวละครนั้นแล้วเราจะเห็นภาพอย่างไร 

 เราวาดออกมาไม่ได้ T^T วาดรูปไม่เป็น 555 ก็เลยได้แต่ปล่อยกระดาษทิ้งโล่งขาวอยู่อย่างนั้น แต่มีภาพในหัวนะ คือแบบเป็นภาพรถไฟกำลังวิ่งออกจากอุโมงค์ แล้วรอบๆก็มีบ้านที่ถูกหิมะปกคลุมขาวโพลน ประมาณนี้




 ซึ่งทุกคนส่วนใหญ่จะวาดออกมาเป็นแนวนี้กันหมด แต่ทว่าคนญี่ปุ่นอ่านข้อความนี้แล้วกลับวาดออกมาอารมณ์ประมาณนี้ค่ะ 


  นี่คือความแตกต่างระหว่างคนญี่ปุ่นและคนไทย คือ คนไทยจะมองภาพใหญ่ มองเหมือนตัวเองเป็นพระเจ้ากำลังมองดูโลกอยู่อะไรประมาณนั้น เวลาคนไทยอ่านนิยายก็จะเป็นแบบนี้ ในขณะที่คนญี่ปุ่นมองภาพเล็ก มองตัวเองเป็นตัวละครที่อยู่ในเรื่อง เขาบรรยายว่ารถไฟออกจากอุโมงค์แล้วจะมีแต่หิมะ ก็เป็นภาพแค่นั้นจริงๆ ไม่มีเห็นตัวขบวนรถไฟ เนื่องจากตัวเองนั่งอยู่ในรถไฟ 

  เรารู้สึกว่าอันนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราตื่นตาตื่นใจมากเลย เราเพิ่งรู้ว่าคนไทยกับคนญี่ปุ่นมองไม่เหมือนกัน แต่ก็ทุกครั้งที่เราอ่านหนังสือเราก็เป็นแบบคนไทยนะ คืออ่านแล้วจินตนาการภาพเหมือนกำลังดูทีวีอยู่ ไม่ใช่เราเป็นตัวละครในนั้น 

  จริงๆ タスク ครั้งสุดท้ายก็ถือว่าเป็นอะไรมีสนุกและมีความประทับใจเหมือนกันนะ :3 เพราะมุมมองของคนไทยกับคนญี่ปุ่นต่างกัน บางทีเลยทำให้การใช้ภาษาแตกต่างกันไปด้วย พอเอาภาษาไปแปลตรงๆมันก็เลยรู้สึกแปลกไปในบางที คือตัวไวยกรณ์ไม่ผิดหรอก แต่ว่าอาจจะไม่ใช้กัน จากนี้ก็คงต้องระวังการใช้ให้ดี :P

ตอนที่ 15 : 美味しい料理 เป็นยังไง?

 หัวข้อนี้สืบเนื่องมาจากตอนที่แล้วค่ะ ที่คุยกันว่าจะเขียนยังไงที่จะบรรยายความรู้สึกที่เรามีให้อีกฝ่ายรับรู้ได้ タスク ที่ทำในห้องคราวนี้จึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบรรยายภาพคำว่า 美味しい料理 ว่ามันโออิชี่ขนาดไหนและโออิชี่ยังไง :P มาดูกันว่า 美味しい料理 ของเราเป็นยังไง

田中先生
 昨日は、すてきなお店で美味しい料理をごちそうになり、ありがとうございます。
はじめて日本料理を食べて、とても感動しました。日本料理は意外においしいです。タイ料理の味とまったく違いますが、口に合いました。これからたくさん日本料理を食べようと思います。

    *ส่วนสีฟ้าคือส่วนที่เราบรรยาย 美味しい料理

    งานครั้งนี้อาจารย์ให้เขียนแล้วจับกลุ่มกัน 3−4คน พูดคุยกันแล้วเลือกของคนที่คิดว่าน่าสนใจที่สุดมาอ่านให้เพื่อนๆฟัง ในกลุ่มเราส่วนใหญ่ที่มีน่าสนใจก็คือคนที่พูดถึงว่าเป็นอาหารที่ทำด้วยมือและอร่อยมาก แล้วก็บอกว่าอยากจะกลับไปที่ร้านนั้นอีกครั้ง แต่ของเราไม่ได้รับเลือกให้พูด T^T  แต่ก็มีเพื่อนบอกว่าน่าสนใจตรงที่มีการเอามาเปรียบเทียบกับของไทยแล้วบอกว่าถึงจะต่างกันแต่ก็ถูกปาก เราว่าของเราก็พอใช้ได้นะ :P อาจจะเพิ่มการบรรยายภาพอาหารว่าน่ากินขนาดไหน รสชาติเป็นยังไง ก็ดีเหมือนกัน แต่ タスク นี่ทำให้ห้อง เลยไม่ค่อยมีเวลาคิดมากเท่าไร นึกอะไรได้ก็เขียนมาก่อน

    จากการทำタスクนี้ทำให้เราเพิ่งรู้ว่าการเขียนบอกอะไรสักอย่างที่เป็นนามธรรมมันยากขนาดนี้ 555 แล้วความหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย ซึ่งก็ไม่มีใครผิดใครถูกหรอก เพราะมันเป็นความรู้สึก เราแค่เขียนความรู้สึกของเราออกมาให้อีกฝ่ายรับรู้ก็เป็นพอ :)