วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 4: 目に浮かぶ描写 (การ์ตูน 4 ช่อง)

 สวัสดี!เจอกันทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ 55  วันธรรมดานี่แทบไม่ได้เปิดคอมเบยยย ;_;
งานคราวนี้เป็นการให้อธิบายการ์ตูนสี่ช่อง :) อาทิตย์ก่อนโน้นพูดสดๆเลยทีเดียว ดูปุ๊ปพูดปั๊ป แหม่ เก่งจริงๆ ก็มั่วสิคะ พูดไม่รู้เรื่องเยอะเลย เรียนภาษาญี่ปุ่นเนี่ย ลำบากนะ เพราะไวยกรณ์มันไม่เหมือนกัน เวลาพูดภาษาญี่ปุ่นต้องคิดให้จบประโยคก่อนแล้วค่อยพูด แต่ภาษาไทยเนี่ย พูดไปก่อนก็ได้ค่อยคิดตามทีหลัง จึงเป็นปัญหาสำหรับเรามากเลย เวลาที่พูดญี่ปุ่นก็มักจะพูดไปก่อน แล้วมานึกถึงสิ่งที่อยากจะพูดได้ทีหลัง แล้วก็ไม่รู้จะเอาไปเสริมที่ตรงไหน ก็เลยเกิดอาการงงกับตัวเองว่าตกลงแล้วต้องการจะพูดอะไรต่อ (T^T) วิธีแก้คือควรจะคิดให้ดีก่อนว่าจะพูดอะไร แต่เอาเข้าจริงเวลาก็ไม่ได้มีมากขนาดให้คิดนานขนาดนั้น ก็เลยต้องแถๆไปก่อนให้พอได้ความ 55 

เอาละรูปก็มีอยู่ดังนี้....


  และนี่คือสิ่งที่ครั้งแรกที่เราได้พูดไป 
     ホテルのロビーで二人の男の人がソファーに座っています。一人の男は眼鏡をかけて、新聞を読んでいます。もう一人はその男の人の隣に座っています。新聞を読んでいない人は外国人を見て、目と目を合わせましたその外国人の手に地図があります。外国人がその男の人を見て、男の人の所に歩いて行きました。道を聞きたいらしいです。男の人が怖くて、新聞を読んでいる人と一緒に座って、自分の顔を新聞で隠しました

  ตัวแดงคือสิ่งที่อาจารย์ขีดเส้นมาให้ 

ปัญหาที่เราพบจากการทำ task ในครั้งนี้ตอนแรกคือ 
1. เป็นผู้ชายสองคนซึ่งจะอธิบายลักษณะของเขาให้ต่างกันอย่างไรดี เราเลยเลือกใช้ว่าเป็นคนที่อ่าน   หนังสือพิมพ์กับคนที่ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ แต่จริงๆแล้วพอมาดูจากประโยคที่เราพูดไปก็รู้สึกว่ามัน  แปลกๆ 
2.  อยากอธิบายลักษณะท่าทางของ 外国人 ให้มากกว่านี้ แต่นึกศัพท์ไม่ค่อยออก จริงๆแล้วเราอยาก  บอกว่า "ผู้ชายอีกคนหนึ่งมองไปรอบๆแล้วบังเอิญไปสบตากับคนต่างชาติที่ถือแผนที่ไว้ในมือดูเหมือน หลงทางอยู่ พอสบตาปุ๊ปคนต่างชาติก็มีท่าทางดีใจแล้วเดินมาหา" และนี่ก็เป็นตัวอย่างของปัญหาที่เรา ได้เกริ่นไปตอนแรก เพราะเราไม่ได้คิดให้ประโยคเสร็จสมบูรณ์ก่อน เราเลยพูดได้แค่ว่า 新聞を読ん でいない人は外国人を見て、目と目を合わせました (ตัวแดงไว้ก่อน เดี๋ยวอธิบายทีหลัง นะจุ๊ :*)  แล้วค่อยมาเสริมที่หลังว่า その外国人の手に地図があります。 ซึ่งก็ประหลาดๆ  อยู่ดี เพราะจริงๆจะพูดว่า "ชาวต่างชาติคนนั้นถือแผนที่ไว้ในมือด้วย" แต่ด้วยความที่งงกับ
 ไวยกรณ์อยู่และเวลาบีบคั้น เลยออกมาเป็นแบบนี้แทน (= ='') 
3. คำว่า "สบตา" ภาษาญี่ปุ่นคืออะไร???? ตอนนั้นคิดไม่ถึง อยู่ๆคำว่า 目と目を合わせる ลอยขึ้นมาใน หัว เลยใช้ไปทั้งๆอย่างนั้นเลย  


เมื่อดูของ native speaker 
1. พบว่า native speaker มีการบรรยายอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครใส่ลงไปด้วย ในขณะที่เราไม่ได้  บรรยายเลย เราเห็นภาพยังไงเราก็อธิบายไปทั้งๆอย่างงั้น ซึ่งเราคิดว่าการบรรยายอารมณ์ความรู้สึก ของตัวละครลงไปด้วยเป็นสิ่งที่ดี เพราะว่าจะทำให้ผู้อ่านสามารถเห็นภาพได้ชัดกว่าว่าบรรยากาศ  ความรู้สึกในตอนนั้นเป็นอย่างไร 
2. ท่าทางหนึ่งอย่างสามารถพูดออกมาได้หลายแบบเช่น ตอนที่สบตากัน บางคนก็ใช้คำว่า 目線が合う บางคนก็เป็น 視線が合うบางคนก็ 目が合うในขณะที่เรารู้จักแต่คำว่า 目が合う นอกจากนี้ก็ยังมี  คำว่าเดินเข้ามาหา ก็มีทั้งคำว่า 近づいてきた 近寄った 歩み寄ってきた หรือ 寄ってきた ก็ ทำให้เราได้รู้จักคำที่หลากหลายมากขึ้น 
3. ส่วนของคนที่ได้รับการโหวตว่าดีที่สุดนั้น เรารู้สึกว่าเขาเขียนเนื้อเรื่องคล้ายกับนิยายมีการแบบยาย ภาพ อารมณ์ความรู้สึกของตัวละครที่ละเอียด ทำให้ผู้อ่านรู้สึกราวกับว่ากำลังเห็นเหตุการณ์นั้นอยู่ตรง หน้า แตกต่างกับของบางคนที่เขียนอธิบายเป็นช่องๆว่า ช่องแรกมีรูปอย่างนี้ๆ ช่องที่สองเป็นแบบนี้   ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านเสียอรรถรสในการอ่าน 


เมื่อลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่อาจารย์ขีดเส้นมาให้ 
1. 新聞を読んでいない人は外国人を見て、目と目を合わせました。
     ประโยคนี้ทำไมถึงผิด เพราะว่าจริงๆจะบอกว่า "มองไปรอบๆแล้วไปสบตากับคนต่างชาติ" แต่ ด้วยความที่นึกคำว่า "มองไปรอบๆ" ไม่ออกก็เลยใช้แบบนี้ไปทั้งๆที่รู้ว่าไม่ใช่ ;_;  ส่วน 目と目 を合わせました เป็น 他動詞 คือทำให้สายตามาประสบพบเจอกัน ทั้งๆที่ในสถานการณ์นี้มัน คือการสบตากันโดยบังเอิญ (- -'') จริงๆแล้วต้องทำให้เป็น 自動詞 คือ 目が合いました。  เคลียร์ฮะ  
2. 道を聞きたいらしいです。
 แว๊บแรกที่นึกถึงคำว่าดูเหมือน คำว่า らしい ก็ออกมาจากหัวก่อนใครเพื่อน ประโยคนี้เลยได้คำว่า ら しい ไปครอง แต่จริงๆแล้ว คือมัน ผิดค่ะ! T^T  ใช้ らしい ไม่ได้นะก๊ะ เพราะ らしい ใช้แปลว่า       
    "สมกับที่เป็น" หรือถ้าจะใช้ในเชิง "ดูเหมือน" น่าจะเป็นการสันนิษฐานจากการได้ยินอะไรมาแล้วก็นำ      
    มาสันนิษฐาน แต่ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้ ในกรณีนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นคำว่า 〜ようだ หรือ みた
   いだ แทน 
3. 自分の顔を新聞で隠しました。
     เหตุผลที่เราใช้ 隠す เพราะว่าเป็นการซ่อนใบหน้าของตัวเองคือ 自分の顔を隠す เราก็เลยสงสัยว่า    
     ทำไมถึงใช้ไม่ได้ เลยลองเสิร์ชๆหาดูว่า 隠れるกับ隠す ต่างกันอย่างไร จากการเปิด 
     dictionary.goo.ne.jp ก็พบดังนี้  
             隠す  =  人の目に触れないようにする。物で覆ったり、しまい込んだりする 
           例:「両手で顔を―・す」
             隠れる = 身を人目につかないようにする 
                                        例:「物陰に―・れる」
    ตอนแรกเราเลยรู้สึกว่าจริงๆแล้วประโยคของเราก็น่าจะใช้ได้ แต่เราก็คิดว่าอาจเป็นเพราะสถานการณ์ที่ไม่ได้หยิบหนังสือพิมพ์มาซ่อน แต่เข้าไปหลบซ่อนในหนังสือพิมพ์ อย่างตัวอย่างของ 隠れる ก็เป็นหลบซ่อนที่ 物陰 ในสถานการณ์นี้คือคนนี้เอาตัวเข้าไปหลบใน 新聞 แต่ไม่ได้ยก 新聞 มาปิดหน้า จึงควรจะใช้ 隠れる 

   เอาละ เดี๋ยวต้องไปแก้ส่งก่อนนนน :))) ไปละ วิ้ววววว~~~  





วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 3: 道案内

 สืบเนื่องมาจากงานที่ให้เขียนบอกทางที่ได้ทำในห้องเรียน ก็เลยได้มีสาระมาอัพบล็อกบ้าง :3

   งานที่ว่าคือการให้เขียนบอกทางจากสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรีมายังคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ โดยเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นแบบไม่ทันได้ตั้งตัวมาก่อน และมีเวลาไม่ถึงชั่วโมง เราก็จัดไป ขุดความรู้เท่าที่มีเอามาเขียน ก็มั่วหนักเลย หลังจากนั้นอาจารย์ก็ได้เก็บกระดาษแผ่นนั้นของเราไป และแจกวิธีการเขียนบอกทางของคนญี่ปุ่นมาให้ดู  โอ้ววว ช่างแตกต่างกับเราจริงๆ เลยทำให้รู้สึกว่าตัวเองห่วยขนาดนี้ 555 หลังจากให้ดูตัวอย่างแล้วก็ให้กลับไปแก้ที่บ้าน คราวนี้ทำชิวๆ ค่อยๆดู หาข้อมูลไป แต่สุดท้ายก็ยังมีผิดอยู่ดี! แถมผิดอะไรที่ไม่ควรจะผิดอีกต่างหาก T.T ความรอบคอบเนี่ย ไม่ค่อยจะมีเล้ยยยย และอันนี้คือบทความที่แก้ครั้งสุดท้ายหลังจากที่ได้รับคำติชมจากเพื่อนและอาจารย์ :) เราจะอธิบายตามส่วนที่มีตัวสีแดงและสีเขียวเลยนะว่าเคยผิดยังไง แล้วทำไมถึงแก้เป็นตัวนี้้ เป็นต้น  



タイトル:チョンナンシ駅からチュラロンコン文学部BRKビルまでの道案内 

     まず、チョンナンシ駅からサイアム駅まで(1)ナショナルスタジアム行きのBTSに乗ります。サイアム駅で下車して、(2)U2まで下ります。それから、「サイアムセンター」の表示を目指し、サイアムセンターの方へ行きます。表示が見つからなかったら、駅の隣にあるサイアムパラゴンというデパートの方を向く(3)、サイアムセンターの出口は左側(3)にあります。2番の出口(4)階段を下りて、後ろ側に(5)デジタルゲートウェイというビルが見えます。そのビルの方へ直進して、リドという映画館まで行ってください。
 次に、ポップバス乗ります。ポップバスというのはチュラロンコン大学の無料のピンクバスです。注意してほしいのが、ポップバスは普通のバスよ(6)小さいということです。それから、ポップバス停の表示がないので、ちょっとわかりにくいです。(7)ポップバス停への行き方はリドの出入り口まで行って、そのまま直進すると、小道が見えます。その小道の前にポップバス停があります。1番のポップバスに乗車してください。ポップバスはMBKの向こう側に停まって、チュラロンコン大学に入ります。ここから、数えて二つ目のポップバス停で下車します。(8)運転手が一つ目のポップバス停に止めないこともあるので、注意してください。

下車するポップバス停は小さいセブンイレブンの向こう側にあります。右側にセブンイレブンが見たら、降車ボタンを押すか、または運転手に「アックソーン」言ってください。そこで下車すると、左は「Faculty of Fine and Applied Arts」ビルが見えます。右側にはBRKビル(9)があります

*สีเขียว : การแก้จากที่เพื่อนคอมเม้นต์
*สีแดง : การแก้ด้านไวยกรณ์ที่ได้รับคอมเม้นต์อาจารย์

1.ナショナルスタジアム:
  งงล่ะสิ ทำไมถึงผิด ผิดแบบโง่ๆด้วย T___T ด้วยความที่ปกติใช้สายหมอชิตตลอด ก็เลยเคยชินเลยเขียนว่าให้ขึ้นรถที่ไปหมอชิต ซึ่งจริงๆแล้วที่ BTS ช่องนนทรีไม่มีทางมีรถที่ไปหมอชิตเด็ดขาด เพราะเส้นนั้นเป็นเส้นสนามกีฬา-ตลาดพลู (= =) แบบนี้เขาเรียกว่าไม่รอบคอบ ถ้าเอาไปใช้นำทางจริง ถึงจะรอทั้งวันรถบีทีเอสที่ไปหมอชิตที่ก็คงไม่มา 555  

2. U2階まで下りる
  ตอนแรกเขียนว่า 改札口にある一階まで下ります。ประโยคที่ต้องการบอกคือให้ลงไปที่ชั้น 1 ที่เป็นชั้นขายตั๋ว แต่อาจารย์วงมาให้ว่ามันมีปัญหา เลยไปเสิร์ชหาข้อมูลเพิ่ม แล้วปรากฏว่าชั้นนั้นเรียกว่าชั้น U2 ก็เลยเปลี่ยน คิดว่าจริงๆแล้วไม่ต้องใส่ว่าที่เป็นชั้นขายตั๋วก็โอเค บอกแค่ชั้นก็ได้ :)

3.・・・向く、・・・左側にあります:
     ตอนแรกเขียนลงไปว่า ・・・向く、・・・左側です。เหตุผลที่มันผิดเพราะว่า พอใช้ と ปุ๊ป ประโยคหลังจะบอกสภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่น พอหันหน้าเข้าหาพารากอนแล้ว ก็จะมีทางออกไปสยามเซ็นเตอร์อยู่ทางซ้าย หรือจะใช้ว่า 右側に見える ก็ได้  แต่ไม่ใช้  出口は左側です เพราะว่าถ้าใช้แบบนี้จะหมายความว่า "ทางออกเป็นทางซ้าย" ซึ่งในภาษาญี่ปุ่นไม่ใช้กัน #คิดว่าเป็นแบบนี้ ;_;  

4. 2番の出口階段を下りて:
  ตอนแรกต้องการจะบอกว่า "ลงบันไดที่อยู่ที่ทางออกที่สอง" พอแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นปุ๊ปก็แปลออกมาได้ว่า 2番の出口階段を下りて แต่โดนอาจารย์ทักท้วงมา เลยคิดว่าจริงๆแล้วน่าจะเป็น の มากกว่า เพราะเป็นบันไดของทางออกที่สอง 

5. デジタルゲートウェイ:
     ตอนแรกเขียนว่า ディジタル・ゲード・ウエ  เป็นคะตะคะนะที่คิดขึ้นเองโดยไม่ได้ตรวจสอบก่อน 555 สะเพร่าอีกแล้วขอรับ ;_;  

6.普通のバスよ小さい:
 นี่ก็เป็นอีกผลงานหนึ่งของความไม่รอบคอบ พิมพ์ผิดไปว่า よろ 

7. ポップバス停への行き方はリドの出入り口まで行って、そのまま直進すると、小道が見えます。その小道の前にポップバス停があります :
 ยาวเลยฮะ เพราะแก้ทั้งประโยค ถึงแก้แล้วก็ยังรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเท่าไรว่าใช้ได้หรือเปล่า ประโยคที่ผิดมีอยู่ว่า ポップバス停はリドの出入り口に行って、小道が見えるまで続いて、そこにあります。คิดว่าที่ไม่น่าจะใช้ได้เพราะว่าประธานเป็นป้ายรถป๊อป แต่มีการบอกให้เดินไปนี่โน่นนั่น เลยคิดว่าไม่น่าจะใช้ได้ ก็เลยเปลี่ยนทั้งประโยคเลยให้กลายเป็นบอกวิธีการไปป้ายรถป๊อปเลยละกัน นอกจากอันนี้ก็ยังมีที่ผิดอีกอันคือ 続いて ตอนแรกคิดว่าใช้เดี่ยวๆได้เลยแแบบว่า เดินต่อไปเรื่อยๆ แต่พอลองไปหาดูดีๆแล้ว ปรากฏว่าไม่มีการใช้ในลักษณะนี้เลย (=___='') สรุปคือคิดเองเออเองว่าใช้ได้ แต่จริงๆใช้ไม่ได้นะจ้ะ  

8. 運転手が一つ目のポップバス停に止めないこともあるので、注意してください。下車するポップバス停は小さいセブンイレブンの向こう側にあります。右側にセブンイレブンが見たら・・・
 อันนี้ได้รับคอมเม้นต์มาจากเพื่อนว่ายังบอกป้ายที่ลงไม่ชัดเจน น่าจะบอกจุดที่สังเกตุเห็นได้ชัดเจน ก็เลยลองเพิ่มประโยคนี้เข้าไปดู :3  

9.右側にはBRKビルがあります:
     อันสุดท้ายแล้ว เย้ๆ ประโยคที่ผิดบอกว่า 右側のビルはBRKビルのです。อันนี้ผิดแบบตลกมาก เรียนเยอะเกินก็ลืมกฏง่ายๆ คือคำว่า ビル เป็นคำนาม ถ้าจะตามตัว のです ก็ต้องใส่  な เข้าไปด้วย ทีนี้พอแก้ก็เลยไม่เอาอันนี้ละ เปลี่ยนเป็น あります เลย งอนนนน 555 


    สรุปว่างานครั้งนี้ก็ยังมีจุดที่ผิดอยู่เยอะอยู่ แต่ก็คิดว่าดีกว่าครั้งแรกสุดที่เขียนไป (. .) จุดที่ผิดส่วนใหญ่เป็นส่วนที่ไม่ค่อยน่าให้อภัยเพราะเป็นคำช่วยที่ควรจะรู้อยู่แล้ว หรือไม่ก็เกิดจากการไม่รอบคอบตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อน T.T  คราวหน้าก็คงต้องรอบคอบกว่านี้ให้มากๆ:)))  

 เอาจริงตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะลง app jap ling เลยนะ แต่มาลองดู เพราะจริงๆแล้วไม่ได้ชอบด้านภาษาศาสตร์เท่าไร ชอบสายวรรณคดีมากกว่า (>.<)/ แต่พอมาลองแล้วก็รู้สึกว่าวิชานี้มีประโยชน์จริงๆแฮะ ได้ย้อนกลับมาดูสิ่งที่เราผิดพลาด ได้เปรียบเทียบการใช้ภาษาของตัวเองกับเจ้าของภาษาว่ามีอะไรที่แตกต่าง ทำให้เรารู้ว่าต้องปรับปรุงการใช้ภาษาของเราตรงส่วนไหนบ้าง ดีๆชอบๆ♥   

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 2 : 〜じゃないか?

      หลังจากผ่านพ้นการสร้างบล็อกมาได้หนึ่งอาทิตย์ ก็ได้เวลาเริ่มทำจริงๆเสียที และเรื่องแรกที่ได้เลือกมาก็คือเรื่อง 〜じゃんないか เนื่องจากไปเจอประโยคหนึ่งในชีทบทเรียนของวิชาสนทนาภาษาญี่ปุ่นที่กำลังเรียนอยู่แล้วรู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่ฉันคงไม่ใช้คำว่า じゃないか  แน่ๆ ก็เลยอยากรู้ว่าจริงๆแล้วคำว่า じゃないか เนี่ย สามารถใช้ในประโยคแบบไหนได้บ้าง นอกจากนี้แล้วก็ยังรู้สึกว่าคำนี้ค่อนข้างได้ยินบ่อยๆจากที่เรียนมา

      ปกติแล้วคำว่า 「〜じゃないか」ถ้าแปลเป็นภาษาไทยแล้วตามที่เคยได้เรียนมาจะเป็นคำว่า "ไม่ใช่หรอ"  มักจะใช้ในกรณีที่เราคิดแบบนี้ แต่ว่าอีกฝ่ายกลับคิดไม่เหมือนเรา กล่าวคือ เมื่อใช้ じゃないか  จะเป็นการบอกว่าต้องการให้อีกฝ่ายเห็นด้วยกับเรา เช่น 

まゆ:タイの首都はチェンマイですね。
りな:えっ、バンコクじゃないですか。 

     จากที่ไปสืบค้นมาก็มีบางคนบอกว่าคำว่า じゃないか ปัจจุบันจำนวนคนที่ใช้คำนี้ได้ลดน้อยลงแล้ว และจริงๆแล้วก็เป็นคำที่ไม่ค่อยดีเท่าไร เนื่องจากเป็นคำพูดที่เหมือนไม่ได้คิดถึงฝ่ายตรงข้าม แต่บอกความคิดว่าแตกต่างกับเขาอย่างชัดเจน และยังต้องการให้เขาเห็นด้วยกับเราอีกด้วย (O[]O)! อันนี้เพิ่งรู้ว่่าจริงๆแล้วมันมีความหมายลบๆอยู่  

    พอไปลองดูการใช้คำว่า じゃないか ว่ามีใช้ในรูปแบบอื่นอีกไหม ก็ดูเหมือนจะไม่มีซะแล้ว ;_; ส่วนประโยคในชีทภาษาญี่ปุ่นที่ฉันสงสัยมีอยู่ว่า 「たぶん、〜ごろじゃないかと思うんですが  เนื่องจากฉันคิดว่าแค่ 「たぶん、〜ごろと思うんですが」ก็น่าจะเพียงพอแล้ว จึงลองไปค้นหาดู ก็พบว่าจริงๆแล้ว じゃないか+と思う แปลว่า "คิดว่าน่าจะเป็น...." ก็เลยเข้าใจเอาเองว่าเมื่อใส่ じゃないか ลงไปแล้ว ก็จะทำให้ความมั่นใจลดลง เช่น 
1) たぶん、3時ごろと思うんですが → คิดว่าเป็นช่วงบ่ายสาม 
2) たぶん、3時ごろじゃないかと思うんですが → คิดว่าน่าจะเป็นช่วงบ่ายสาม


เอาละคงต้องถึงเวลาจบแค่นี้ก่อน~ ยังเหลืองานอีกเต็มเลย T.T สวัสดีจ้ะ 




วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้นของการทำบล็อกนี้ :)

     สวัสดีนะ (^^) ในที่สุดก็ได้สร้างบล็อกขึ้นมาเสียที หลังจากที่เห็นเพื่อนๆสร้างกันหมดแล้ว
บล็อกนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา APP JAP LING หรือ ภาษาศาสตร์ประยุกต์นั่นเอง เย้วว~
กล่าวง่ายๆก็คือบล็อกนี้เอาไว้บันทึกสิ่งต่างๆที่พบเจอเกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาตัวเอง
เรื่องที่เลือกจะทำก็คือ 文未表現 ในภาษาพูดนะฮะ จริงๆตัวเองก็ไม่ได้เก่งในเรื่องการพูด
แต่เพราะไม่เก่งเนี่ยแหละ จึงเลือกที่จะทำเรื่องนี้ 

อันนี้จริงแล้วก็เคยเขียนบล็อกอยู่ช่วงหนึ่งในสมัยมัธยมต้น แต่ก็เลิกไปเพราะไม่มีเวลา
รู้สึกแปลกเหมือนกันที่ต้องกลับมานั่งเขียนบล็อกอีกครั้งหนึ่ง
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้กลับมาทำอะไรแบบนี้อีกครั้งหนึ่ง :D

อ้าว ยังไม่ได้แนะนำตัวนี่หน่า (. .)
บล็อกนี้เป็นของยูยู่ววว ผู้กำลังมุ่งมั่นเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์นะฮะ
หลายครั้งเหมือนกันที่รู้สึกท้อกับการเรียนภาษาญี่ปุ่น รู้สึกว่าเรียนที่นี่มันยากเกินไป
บางครั้งก็ตามเพื่อนไม่ทันจนคิดว่าที่นี่เหมาะกับเราจริงๆหรือเปล่านะ
แต่พอรู้สึกตัวอีกทีก็อยู่ปี 3 ซะแล้ว...

เอาล่ะ~ ตั้งใจว่าจะอัพบล็อกอาทิตย์ละครั้ง
และจากนี้ไปก็จะพยายามมากขึ้นไปอีก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ (^____^)